ประกันสุขภาพมีกี่ประเภท ประเภทไหนคุ้มครองได้ครอบคลุมที่สุด

ประกันสุขภาพ
April 5, 2024

เมื่อใคร ๆ ก็ให้ความสนใจกับการวางแผนชีวิตมากขึ้น ประกันสุขภาพเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ช่วยให้อุ่นใจเรื่องความเจ็บป่วยที่ไม่แน่ไม่นอนว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร บวกกับค่ารักษาพยาบาลเริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามค่าครองชีพ และยังมีเชื้อโรคและไวรัสชนิดใหม่ ๆ เกิดขึ้นได้โดยไม่คาดฝัน การมีหลักประกันเพื่อรับมือเอาไว้ก่อนจึงดีกว่า แต่แผนประกันก็มีรูปแบบหลากหลายจนเลือกไม่ถูก ไม่ว่าจะเป็นความคุ้มครองแบบใดก็น่าสนใจไปหมด จึงต้องพิจารณาเงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ของประกันแต่ละประเภทให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ

ประกันสุขภาพแบบกลุ่มและแบบเดี่ยว เช็กดูคุณอาจมีอยู่แล้ว

ประกันสุขภาพสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักคือ ประกันแบบกลุ่ม และประกันแบบเดี่ยว ผู้ที่ทำงานประจำกับองค์กรชั้นนำ โดยส่วนใหญ่มักจะมีประกันแบบกลุ่มคุ้มครองในรูปแบบสวัสดิการจากองค์กรที่ทำงานอยู่แล้ว ในขณะที่ประกันแบบเดี่ยวเป็นประกันรายบุคคลที่ต้องทำด้วยตนเอง มีความคุ้มครองให้เลือกหลากหลายรูปแบบ อาจพิจารณาการซื้อประกันได้จากความคุ้มครองที่ได้รับ และความคุ้มครองที่ต้องการเพิ่มเติมร่วมด้วยก็ได้

1. ประกันสุขภาพแบบกลุ่ม

ประกันแบบกลุ่ม คือ การคุ้มครองบุคคลหลายคนภายใต้กรมธรรม์เดียว สามารถเลือกความคุ้มครองได้ทั้งสุขภาพ อุบัติเหตุ หรือทั้ง 2 อย่างควบคู่กัน ค่าเบี้ยประกันต่ำเมื่อคิดตามจำนวนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครอง แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความคุ้มครองสูงด้วยเช่นกัน ครอบคลุมทั้งอาการเจ็บป่วยที่ต้องรักษาในโรงพยาบาล อุบัติเหตุจากการทำงาน และความทุพพลภาพถาวร หากมีประกันสุขภาพแบบกลุ่มอยู่แล้วจะมีใบรับรองการเอาประกันภัยหรือบัตรประกันสุขภาพที่บริษัทประกันออกให้ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินต้องเข้าโรงพยาบาล สามารถยื่นบัตรประกันให้กับทางโรงพยาบาลได้เลย และเงื่อนไขการเอาประกันอื่น ๆ เป็นไปตามเกณฑ์ของบริษัทประกันที่ทางองค์กรทำไว้

2. ประกันสุขภาพแบบเดี่ยว

ประกันแบบเดี่ยว หรือประกันส่วนบุคคล มีความคุ้มครองที่สามารถเจาะจงได้ว่า ต้องการความคุ้มครองด้านใด ลักษณะความคุ้มครองแบบไหน วงเงินเท่าไร ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลมีผลอย่างมากต่อการทำประกัน ประกอบด้วยอายุ เพศ และประวัติสุขภาพ ใช้สำหรับพิจารณาความเสี่ยงต่าง ๆ ประกันสุขภาพแบบเดี่ยวสามารถเลือกความคุ้มครองที่เจาะจงโรคร้ายแรงได้ แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของบริษัทประกันคือ ไม่ตรวจพบโรคมาก่อน หรือรู้อยู่แล้วว่าเป็นโรคตั้งแต่กำเนิด ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งคือ สามารถนำเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้ และบางรูปแบบมีการชดเชยรายได้เมื่อต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วย

เลือกประกันสุขภาพอย่างไรให้คุ้มค่า ตรงโจทย์ชีวิตที่ต้องการ

จะเห็นได้ว่าประกันสุขภาพแบบกลุ่มครอบคลุมความเสี่ยงพื้นฐานได้เกือบทั้งหมด แต่ลักษณะการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคลแตกต่างกันไป อาจมีความต้องการเพิ่มเติมที่ประกันแบบรายบุคคลตอบโจทย์ได้มากกว่า การพิจารณาว่าควรเลือกซื้อประกันแบบใด ให้ความคุ้มครองด้านใดบ้าง ควรใช้เกณฑ์พื้นฐานเหล่านี้ประกอบการตัดสินใจ

1. ประเมินความเสี่ยงโรคร้ายแรงของตนเอง

หากบุคคลในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคร้ายแรงที่ส่งต่อผ่านทางพันธุกรรมได้ การทำประกันสุขภาพที่ช่วยคุ้มครองโรคร้ายแรงย่อมเป็นการวางแผนที่ดีกว่าการไม่ทำเลย อีกทั้งประกันที่คุ้มครองโรคร้ายแรงจำเป็นต้องทำในขณะที่สุขภาพร่างกายยังแข็งแรงดีอยู่ เป็นการวางแผนชีวิตตั้งแต่เนิ่น ๆ และเมื่อโรคร้ายเกิดขึ้นจริงก็จะไม่เป็นภาระการเงินของครอบครัว รวมถึงจะได้รับเงินชดเชยหลังจากเสียชีวิต ซึ่งช่วยดูแลคนข้างหลังต่อไปได้

2. ประเมินจากภาระในครอบครัว

สมาชิกในครอบครัวแต่ละช่วงวัยมีความต้องการแตกต่างกัน บางครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่มีสวัสดิการประกันกลุ่มที่ดีอยู่แล้ว อาจพิจารณาทำประกันให้ลูกน้อยเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากโรคที่มักเกิดในเด็กได้ บ้านที่มีผู้สูงอายุ ก็ยังสามารถทำประกันได้ เนื่องจากมีประกันหลายแห่งให้ความคุ้มครองผู้สูงอายุเป็นอย่างดี หากเล็งเห็นแล้วว่าจำเป็นต้องมีแผนรองรับความเสี่ยงของคนในครอบครัว การทำประกันอาจคุ้มค่ามากกว่าการทำงานหนักขึ้นจนละเลยสุขภาพของตนเอง

นอกจากนี้ เบี้ยประกันสุขภาพที่จะจ่ายต้องไม่เกิน 10-15% ของรายได้ เพราะถึงแม้ความคุ้มครองจากประกันจะคุ้มค่าเพียงใด แต่การมีวินัยในการจ่ายเบี้ยประกันได้ต่อเนื่องก็เป็นสิ่งสำคัญไม่ต่างกัน รวมถึงการรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ดูแลสภาพจิตใจของคนในครอบครัว ลดความเสี่ยงในชีวิตประจำวันที่อาจเกิดขึ้นได้ สิ่งเหล่านี้เป็นการลงทุนในปัจจุบันที่คุ้มค่าทั้งสิ้น การทำประกันเป็นเพียงหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน แต่ตัวผู้ทำประกันเองต้องวางแผนอย่างรอบด้าน ทั้งการเงิน การงาน สุขภาพ และความสัมพันธ์ เพื่อให้เป้าหมายในชีวิตสมบูรณ์ มีความยืดหยุ่นพร้อมรับความเสี่ยงต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี

Tags: